บ้านคือหนี้สินไม่ใช่ทรัพย์สิน มันสามารถผลาญเงินเราได้ปีละเกือบ 1 ล้านบาท มองจากอีก1มุมเล็กๆ


cr. BangkokPulse

บ้าน.. ไม่เพียงแต่ค่างวดดอกเบี้ยที่เราต้องเสียไปแต่ละงวดแบบแทบไม่ตัดต้นแล้ว รายจ่ายแฝงที่เราเสียไป ที่หลายๆคนมองผ่านลืมนึกถึงไปก็คือ..

ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง.. โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวจะเดินทางค่อนข้างลำบาก และสิ่งที่ต้องมีเพื่ออำนวยความสะดวกที่ขาดไม่ได้เลยก็คือรถยนต์ที่จะมีทั้งค่าเสื่อมและค่าดูแล รวมถึงเวลาที่ใช้ไปกับการเดินทาง เยอะจนคาดไม่ถึงกันเลย ในบทความนี้จะแบ่งเป็นสองประเด็นหลัก ทั้งด้านของ "ตัวเงิน" ที่เรามองเห็นและ "เวลา" แต่เรามองไม่เห็นหรือมองผ่านไป..



** บทความนี้ต้องการจะสื่อถึงมุมมองด้านการเงินจากมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น บนพื้นฐานของคนส่วนใหญ่พนักงานกินเงินเดือนส่วนใหญ่ที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวและมีครอบครัวขนาดเล็ก ไม่ได้มีเจตนาจะว่าหรือติเตียนบุคคลใด หรือชี้นำสิ่งไหนดีไม่ดี **

ตัวเงิน

อันนี้จะเห็นได้ชัดเจน โดยคิดเฉลี่ยจากคนทั่วไปในเมืองกรุง บ้านจะห่างจากที่ทำงานประมาณ 30-40km 
  • ค่าน้ำมัน ราวๆ 100-120 บาท คิดจากน้ำมันวิ่งแบบรถติด ค่าทางด่วนไปกลับ 80 บาท เฉลี่ยนทำงานเดือนละ 20 วัน เป็นเงินราวๆ 4,000 บาทต่อเดือน
  • ค่าเสื่อมรถ และค่าดูแล ในกรณีที่ใช้ผ่านไป 7 ปี **ค่าใช้จ่ายสำหรับคนทั่วๆไปที่มักเปลี่ยนรถเมื่อครบ 7 ปีแต่ใครไม่เปลี่ยนหรือช้ากว่านี้ก็ต้องคิดอีกแบบ แต่ผมว่าต่างจากนี้ไม่มากถ้าคิดค่าซ่อมที่รถเริ่มถึงเวลาต้องซ่อมชิ้นใหญ่ๆ
    • ราคาตั้งต้น เอารถทั่วๆไป City V 649,000 บาท รวมดอกเบี้ย 2.5% 5 ปี 811,250 บาท (ขอคิดดอกรวมในส่วนเงินดาวน์ไปด้วย เพราะฝากแบงค์ก็จะได้ดอก 2-3%) 
    • เมื่อผ่านไปเจ็ดปีราคาขายต่ออยู่จะอยุ่ที่ราวๆ 300,000 บาท อ้างอิงจาก taladrod.com ​
    • ถ้าใครยังติดใจเรื่องใช้สั้นใช้ยาว อยากให้โฟกัสหัวข้อเรื่องเวลามากกว่านะคับ อันนั้นเยอะกว่ามากมาย
    • ค่าเสื่อมราคาตรงนี้จะอยู่ที่ราวๆ 511,250 บาท
    • ประกันภัย 7 ปีราวๆ 100,000 บาท
    • ค่าบำรุงดูแลรักษา อะไหล่ยาง 100,000 บาท
    • ภาษีและ พรบ 10,000 บาท
    • ค่าล้างรถจอดรถเดือนละ 400 บาทเจ็ดปี 33,600 บาท
    • อันนี้ไม่รวมค่าที่มีรถแล้วเที่ยวเยอะขึ้นอีกนะคับ อิอิ
  • เราจะเสียเงินต่อเดือนราวๆ (511,250 + 200,000+ 33,600)/7  = 106,407 ต่อปี หรือราวๆเดือนละ  9,000 บาทต่อเดือน

ค่าน้ำมันทางด่วนและค่าเสื่อมจะอยู่ที่ราวๆ 13,000 บาทต่อเดือน

เวลา

อันนี้จะเป็นสิ่งที่ผมให้สำคัญมากกว่าเงิน เพราะมีเงินสิบล้านก็ซื้อเมื่อวานไม่ได้ ไม่ว่าเวลานั้นเราจะเอาไปดูแลครอบครัว เอาไปหารายได้พิเศษ เอาไปพัฒนาตัวเอง ตัวนี้จะมีค่าแต่เรามักมองข้าม หรือลืมคิดถึงมันไป

เฉลี่ยแล้วคนที่อยู่คอนโดหรือหอพักที่ใกล้ที่ทำงาน ใช้รถ BTS,MRT จะใช้เวลาเดิทาง 1-2 ชม. ต่อวัน แต่คนที่ขับรถใช้เวลาเฉลี่ย 3-4 ชม.ต่อวัน แปลว่าเวลาเราหายไป 2 ชม. ต่อวัน 

ถ้าคิดว่าเรารับสอนพิเศษหรือรับจ็อบนอกเอาเฉลี่ยวัย 25-35 ประการณ์การทำงานอย่างโชกโชน ชม ละ 500 บาทคงดูไม่น้อยเกินไปสำหรับเวลาในตรงนี้ ใน 1 เดือนเราไปเสียเวลาจาการเดินทางไปทำงานเฉลี่ย 20 วันต่อเดือน ก็ตกราวๆ (500*40) 20,000 บาทต่อเดือน 

** อ้างอิงโดยมีประกาศรับสมัครอ.สอน Excel หลังเลิกงานชม.ละ 700 ใน website blognone.com  **

คิดเป็นตัวเงิน 

เมื่อคิดคำนวณแบบบ้านๆ เราทำเงินหายไปจากกระเป๋า จาการซื้อบ้านโดยที่ไม่พร้อม 33,000 บาทต่อเดือนหรือคิดต่อปีก็ 396,000 บาท หรือเกือบสี่แสนบาทต่อปี เลยทีเดียวเชียว

บ้านเดี่ยวในกทม ราคาเฉลี่ยที่ 5-7 ล้านไม่รวมตกแต่งต่อเติม เราต้องจ่ายดอกเบี้ยกันราวๆ 30,000-50,000 บาทต่อเดือน ถ้ารวมกับค่าเสื่อมรถและเวลา เงินเราจะหายไป 800,000 - 1,000,000 บาทต่อปี 

"ถ้าเงินออกจากกระเป๋าไวกว่ามูลค่าบ้านที่เพิ่มขึ้นแล้วละก็ จะให้เรียกบ้านหลังงาม ว่าทรัพย์สินได้อย่างไรกัน"

ลงทุน

คิดกันแบบว่าสิ้นปีเหลือเงิน 400,000 ไปลงทุนแล้วกันนะคับ ถ้าเรานำไปซื้อหุ้นกู้หรือพันธบัตรเราจะได้อัตราตอบแทนอยู่ที่ราวๆ 5% ต่อปีและอีก 14 ปีเเงินก้อนนี้จะกลายเป็นราวๆสองเท่า หรือ 800,000 บาท ถ้าเราใช้ชีวิตแบบนี้ "7 ปีเราจะทำเงินหายไปเกือบ 6 ล้าน หรือ 12 ล้านถ้ารวมดอกเบี้ยบ้าน"

สรุป

สิ่งที่ผมนำเสนอเป็นอีกเพียงหนึ่งมุม ไม่อาจใช้ได้กับทุกๆ เพราะความจำเป็นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ผมเพียงเอาจากสิ่งแวดล้อมที่ผมเจอมาเขียนบทความนี้  และหวังว่าอาจจะมีประโยชน์ต่อคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยไม่มากก็น้อย 

อยากบอก ตัวคนเขียนเองก็ผิดพลาดคับ ซื้อรถราคาแพงมาเหมือนกันและหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คนอื่นไม่ผิดพลาดตาม

"ลูกโตจากความอบอุ่นของพ่อแม่ ไม่ได้มาจากความใหญ่โตหรือสนามหญ้าของบ้านครับ"

"วัตถุ ยิ่งเจริญ คนมีเงิน กับ ไม่มี จะยิ่งต่างกันมากขึ้น"

ขอบคุณครับ





Read More...